วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

บันทึกการอ่าน กิตติพศ

เรื่องที่๘
ชื่อเรื่อง ลาผู้น่าสงส่าร
ประเภท  เรื่องสั้น
ครั้งที่ 2 วันที่ 2 เดือน2 พ.ศ.2554

ชื่อผู้แต่ง พนม นันทพฤกษ์
สำนักพิมพ์ เมืองมิตร ปีที่พิมพ์ 2538
สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
แล้วระฆังใบเก่า  ที่แขวนหน้าอาคารเรียนก็ดังแก้งๆขึ้นเป็นคู่เป็นเสียงที่บ่งบอกว่าโรงเรียน เข้าแล้ว   เด็กๆที่วิ่งเล่นกันตามสถานที่ต่างๆ  ต่างก็จัดแจงเอาเสื้อใส่ ในกางเกงกันอย่างเร่งรีบ   จากนั้นก็รีบทยอยกันไปเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ  ซึ่งปีนี้บองหลาและเอียด  นักเรียนชั้น ป.4 ได้ยืนแถวหลังสุด   นี่เป็นวันแรกของการเปิดเทอมครั้งใหม่  เด็กหลายๆคนรวมทั้งบองหลาได้ใส่เสื้อผ้าที่ขาวนวล ไม่ขาวๆคล้ำเหมือนก่อน   จากนั้นไม่นานเด็กนักเรียนทุกคนก็เริ่มร้องเพลงชาติและกล่าวสวดมนต์  เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ครูผลซึ่งเป็นครูใหญ่  ก็เดินออกไปยืนเด่นอยู่หน้าแถวพร้อมให้โอวาทแก่นักเรียนทุกคน  พอกล่าวจบก็ให้นักเรียนเข้าชั้นเรียน   ไม่นานนัก ครูสมทรงซึ่งเป็นครูประจำชั้นคนใหม่ของห้องบองหลาก็เข้ามาในชั้นเรียนและบอก ให้เลือกตั้งหัวหน้าห้อง  โดยนักเรียนส่วนใหญ่ต่างเสนอชื่อบองหลากันเป็น    ส่วนใหญ่   เมื่อครูสมทรงถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงเลือก  บางคนก็บอกว่าควรให้ให้ผู้ชายเป็นเพราะผู้ชายแข็งแรงกว่าผู้หญิง  เวลามีเรื่องอะไรก็จัดการได้ง่ายกว่าผู้หญิง  แล้วครูก็แย้งกลับไปว่าสมัยนี้ผู้หญิงก็เป็นนายกรัฐมนตรีกันเยอะ  แล้วครูสมทรงก็ถามเหตุผลไปเรื่อยๆจนมาถึงบองหลา  บองหลาก็ตอบว่า คนที่จะเป็นผู้นำคนอื่นต้องมีความสามารถหลายๆด้าน  มีความรับผิดชอบ  มีความรู้ในหน้าที่การงานที่จะต้องทำ  แล้วก็ต้องเป็นคนเห็นแก่คนอื่นเท่าๆกับที่เห็นแก่ตนเองครับ  เอ่อ..ผมคิดว่า. ไม่ทันที่บองหลาจะได้เอ่ยต่อ  ครูสมทรงก็ขัดขึ้นเสียก่อนเพราะไม่ต้องการให้บองหลาปฏิเสธในการเป็นหัวหน้า ห้อง  แล้วครูได้กล่าวว่า  เพื่อนๆเขาไว้วางใจเธอ  เขาพิจารณาแล้วว่าเธอเหมาะสม  เมื่อมีโอกาสที่จะได้ทำงานส่วนรวม  เราก็ควรรับหน้าที่อันมีเกียรตินั้นไว้  การทำงานเพื่อคนอื่น  โดยได้รับความไว้วางใจจากหมู่พวกเป็นสิ่งที่ดี  มันจะช่วยทำให้เรารู้จักกับความรับผิดชอบแบบใหม่  รู้จักการโอนอ่อนหนักเบา  รู้จักการเสียสละ   และในที่สุดคนที่ได้เป็นหัวหน้าห้องก็คือบองหลานั้นเอง

ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
การจะเป็นผู้นำที่ดีนั้นไม่ใช่ดูแค่คุณลักษณะภายนอกว่าคนๆนั้นต้อง เป็นผู้ชาย  ดูดี  มีภูมิฐาน  หล่อ รวย  แต่เราควรที่ภายใน  ต้องเลือกคนที่มีความซื่อสัตย์  สุจริต  มีความคิดก้าวไกล  มีความรับผิดชอบ  ยุติธรรม  รู้จักเสียสละ  ในหน้าที่การงานของตนเอง  ดังนั้นคุณลักษณะเหล่านี้สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
ถ้าเราเป็นคนที่ไว้วางใจได้  รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม  ซื่อสัตย์  มีความรับผิดชอบ  ยุติธรรม  เราก็สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้  แต่เราไม่ควรนกยอหรือเสนอตัวเองเป็นผู้นำ  เพราะจะทำให้คนอื่นมองว่าเราเป็นคนโอ้อวด  ถึงแม้จะเป็นผู้ตาม  ก็ควรมีลักษณะที่กล่าวมาข้างต้น  ถ้าทั้งผู้นำและผู้ตามต่างมีคุณลักษณะที่ดี  ก็สามรถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้

ที่มา:http://archive.wunjun.com/nootnoot1111/44/220.html


เรื่องที่๙

ประเภท สื่อการเรียนรู้
ครั้งที่  2    วันที่  9    เดือน  กุมภาพันธ์   พ.ศ.  2554
ชื่อเรื่อง    พ่อค้าผู้ซื่อสัตย์
ชื่อผู้แต่ง   มันศูรฺ  อับดุลลอฮฺ
สำนักพิมพ์    อาลีพาณิชย์                ปี่ที่พิมพ์   กรกฎาคม    2548
สรุปสาระสำคัญที่ได้จาการอ่าน
                      มีพ่อค้าผู้ซื่อสัตย์อยู่ท่านหนึ่งอาศัยอยู่ในแผ่นดินอาหรับชื่อ มุหัมมัด บิน มุงกะดิรฺ  ท่านเป็นที่รู้จักในความซื่อสัตย์ และความเป็นคนดี วันหนึ่งท่านมุหัมมัด มีความจำเป็นต้องไปทำธุระในเมืองหลวง ท่านให้คนงานดูแล คนงานกำลังทำหน้าที่ดุแลร้าน ก็มีชาวอาหรับชนบทมาซื้อของจากร้านของท่าน
        ความจริงของที่ขายไปนั้นมีราคาเพียง 5 ดิรฺฮม เท่านั้น แต่คนงานไม่รู้จึงขายไปในราคา 10 ดรฺฮัม ชาวอาหับผู้นั้นพอใจในราคาสินค้า จึงจ่ายไป  
        ต่อมาท่าน มุหัมมัดได้กลับมาเมื่อทราบเรื่องดังกล่าว จึงเดินออกตามหาชาวอาหรับผู้นั้น 1 วันเต็มท่านได้เดินตามหา จนในที่สุดท่านก็พบชาวอาหรับผู้นั้น (ท่านใช่มั้ยที่ซื้อของจากร้านของฉัน) ท่านได้ถาม
 ( ใช่ครับ) ที่จริงแล้วสินค้านั้นมีราคาเพียง 5 ดิรฺฮัม เท่านั้น แต่ท่านซื้อมา 1 ดิรฺฮัม ท่านได้ยื่น 5 ดิรฺฮัม กลับไป
แต่ชาวอาหรับได้ปฏิเสธไปเพราะเขาพอใจกับราคาสินค้านั้นและไม่เห็นแพงอะไรเลย เขาเลยพูดกับมุหัมมัดว่า
 ท่านจงเอาคืนเถอะเพราะว่าฉันพอใจกับราคานั้นแล้วและได้เห็นใจที่ท่านอุตส่าห์ตามหาฉันมา 1 วันเต็มๆ
ท่านบอกว่า ไม่ได้หรอก แม้ท่านพอใจ แต่ฉันนี้ซิ รู้สึกเป็นทุกข์ใจอย่างมาก กรุณาเอาคืนเถอะครับ
ท่านก็คะยั้นคะยอให้ชาวอาหรับคนนั้นรับเงินคืน
ข้อคิดทีได้จากเรื่องนี้
ถ้าหากคนเราในโลกนี้ ซื่อสัตย์คนเราก็สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข เพราะจะทำให้คนเรามีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
การนำข้อคิดไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
จะทำให้เราไม่เห็นแก่ตัว ยังทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่นและยังทำให้คนเรามีความซื่อสัตย์ในการทำงานของเราอีกด้วย ทั้งนี้ เราควรเอาแบบอย่างทีดีอย่างนี้เอาไปใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อเป็นผลดีต่อชีวิตของเราต่อไป

ที่มา:http://archive.wunjun.com/nootnoot1111/44/222.html 



เรื่องที่ ๑๐
ประเภท สื่อการเรียนรู้ บทความ
ครั้งที่ 2   วันที่ 6   เดือน ตุลาคม   พ.ศ.2553
ชื่อเรื่อง พลังแห่งความเพียร สร้างฝันให้เป็นจริง
ชื่อผู้แต่ง ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
สำนักพิมพ์  พิมพ์ดี บจก.        ปีที่พิมพ์ 34

สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
          คณะวิจัยจากสถาบันดนตรีแห่งเบอร์ลินเผยผลการวิจัยเคล็ดลับการเป็นอัจฉริยะ โดยการพยายามพากเพียรและฝึกฝนทำในสิ่งนั้นให้ได้อย่างน้อย10000ชั่วโมง สมองจึงสามารถพัฒนาให้เป็นคนอัจฉริยะได้ โดยคณะวิจัยได้ทำการวิจัยจากกลุ่มนักเรียนไวโอลินของโรงเรียนที่ฝึกฝนมาต่อเนื่องยาวนานกว่า 20   ปี พบว่านักเรียนที่มีฝีมือระดับอัจฉริยะ ใช้เวลาในการฝึกฝน10000 ชั่วโมงขึ้นไป ในขณะที่กลุ่มนักเรียนที่มีฝีมือระดับดีรองลงมาใช้เวลาในการฝึกฝนได้เพียง 8000ชั่วโมง ซึ่งน้อยกว่านักรียนในกลุ่มแรก ผลการวิจัยดังกล่าวจึงเป็นการค้นพบที่ตรงกับสิ่งที่ โทมัส เอวา เอดิสัน นักวิทยาศาสตร์ของโลกได้เคยกล่าวไว้ว่า “ความสำเร้จของการประดิษฐ์สิ่งต่างๆนั้นเพียง1เปอร์เซ็นต์มาจากแรงบันดาลใจ ส่วนอีก 99 เปอร์เซ็นต์มาจากการที่มีความเพียรพยายาม
               พ่อแม่ที่ปรารถนาให้ลูกเติบโตมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต คุณลักษณะแห่งความพากเพียรจึงเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนควรปลูกฝังให้แก่ลูก โดยพ่อแม่สามารถสร้างพลังแห่งความพากเพียรให้เกิดขึ้นในชีวิตของลูกโดยเริ่มจาก 1.ฝึกลูกให้มองสายตาจับจ้องเป้าหมาย 2.ปลูกฝังทัศนคติมุมมองเชิงบวกแก่ลูก ฝึกให้ลูกเรียนรู้จากความล้มเหลวอย่างมีสติปัญญา  4  .เป็นแบบอย่างในความพยายามให้ลูกได้เห็น   5  .ฝึกฝนให้ชีวิตลูกอยู่ในความพากเพียร

ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
            ความอดทนพากเพียร ความพยายามฝึกฝนอยู่สม่ำเสมอและทุ่มเทกับการกระทำในสิ่งนั้น เป็นลักษณะชีวิตสำคัญที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งตรงข้ามกับบุคคลที่ประสบแต่ความล้มเหลว เนื่องจากเขาไม่มีความอดทน พากเพียร ขาดความพยายามในการกระทำสิ่งนั้นๆ

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ในชีวิตประจำวัน
  กระตุ้นให้ตัวเองฝึกฝนชีวิตแห่งความพากเพียร ขยัน อดทน และหมั่นฝึกซ้อมในสิ่งที่ตัวเองชอบ แม้ว่าในความพยายามจะต้องประสบกับอุปสรรคมากมายแค่ไหน และหากแม้วันนี้จะต้องเหนื่อยยากลำบากแค่ไหน แต่เมื่อไหร่ที่ถึงเส้นชัย ความภาคภุมิใจจะเกิดขึ้นพร้อมกับความสุขที่ได้ประสบความสำเร็จ

ที่มา: http://archive.wunjun.com/nootnoot1111/44/218.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น